Go Go ขับรถชมวิว และรีวิวที่แสนจะกระทัดรัดที่เขาใหญ่
เริ่มต้นได้ดีก็ไม่ได้แปลว่าลงท้ายต้องสวยหรูเสมอไป ฟังดูปรัชญาจังเนอะ
ถ้าผมไม่ได้กำลังถอยรถเข้าบ้านหลังจากใช้เวลาทั้งวันไปกับการขับรถ ผมคงไม่มานั่งพูดอะไรแบบนี้ คือ ผมหมายถึงใช้เวลาทั้งวันจริงๆ (แบบว่า 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มครึ่ง อีกนิดเดียวก็เที่ยงคืนแล้ว) ไปกับการขับรถ 14 ชั่วโมงเต็มรวด นี่ไม่ใช่จะฝอยนะ มันเป็นการขับแบบ เอ่อ..ในสภาพฝนตกทั้งวัน หาเค้กดีๆกินไม่ได้ โดนบ่นกระปอดกระแปด หาปั๊มน้ำมันก็ยากเย็นแสนเข็ญ ข้าวไม่อร่อย ทางก็มืด รถบรรทุกก็เยอะ และยังต้องมานั่งปลอบใจสาวๆร่วมทริปว่าอีกนิดเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว ทั้งที่ผมน่ะคนขับ ส่วนพวกเธอน่ะเหรอ ทำอยู่แค่ หลับ กิน แล้วก็บ่น แค่ลุกออกจากรถก็เหนื่อยกันแล้ว แมนจริงๆ
ที่ว่าเริ่มต้นได้ดีก็อย่างเช่นการออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงกว่า กลัวรถติดแทบแย่ แต่ดันวิ่งฉิวไปทันรับเป้าหมายที่ 1 ประมาณ 8 โมงกว่าๆ จะไม่พูดว่าโชคดีได้ไง นัดสาว 8 โมงเช้าแล้วไม่ต้องไปนั่งรอเธอเขียนคิ้วเป็นชั่วโมงๆ นี่มันปาฎิหารย์ชัดๆ ไปถึงเธอก็นั่งรออยู่หน้าบ้านแล้ว นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออีกต่างหาก เสร็จสรรพก็ไปรับเป้าหมายที่ 2 ต่อ ที่ผมกลัวจนตัวสั่นว่าเธอจะเลด ดันไม่เลดอีกแฮะ!! ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเธอยังนั่งปลูกผักเลี้ยงหมูใน facebook อย่างเมามันเกือบถึงเช้าอยู่แท้ๆ....ดั๊นลากตัวเองมาทำหน้าแบ๊วรอผมซะได้ สงสัยอยากไปรีวิวจริง คงเชื่อที่ผมบอกเธอว่านี่คือ ทริปสุดยอดห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง หึๆ สุดยอดแค่ไหนน่ะเหรอ หลังจบทริปนี้เธอไม่พูดกับผมอีกกว่า 2 เดือนเต็มๆ
วันนี้พวกเราจะไปรีวิวร้านเค้กในเขาใหญ่กันครับ อ่านข้อมูลในหนังสือมาเป็นอย่างดี บางทีการอ่านหนังสือ หาข้อมูลมาเป็นสิ่งที่ดี แต่มาจริงน่ะอีกเรื่อง ไอ้ที่เขียนอยู่ในหนังสือน่ะไม่รู้ข้อมูลเก่าเก็บแค่ไหน หรือไปก๊อบตามเวปมาแปะในหนังสือให้มันเต็มๆก็ไม่รู้
หลายร้านปิดไปแล้ว บางร้านเปลี่ยนเจ้าของไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริงกันแน่ ร้านที่เปิดอยู่ก็ไม่มีค่อยมีคนขาย มีคนขายก็ไม่ค่อยมีเค้ก แล้วผมดันไปว้นธรรมดาให้เค้กมันน้อยลงไปอีก หลายร้านก็เปิดแต่เสาร์-อาทิตย์ จริงๆน่าจะเขียนในข้อมูลร้านตามพ็อคเก็ตบุ๊คนำเที่ยวว่า เปิดแต่เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาไม่ต้องเผือกมากันเยอะแยะ!! นี่เขียนว่าเปิดทุกวัน มันเปิดจริงครับแต่ไม่มีอะไรขาย ร้านกาแฟบางร้านมีแต่คนสวนยืนรดน้ำต้นไม้ ดูแล้วไม่ใช่คนชงกาแฟแน่ๆ หรือว่าใช่หว่า บางทีอาจจะรดน้ำต้นไม้เป็นงานหลัก ว่างๆก็ไปชงกาแฟงั้นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย !!
จริงๆผมกะจะไปหาข้าวเที่ยงกินกันในเขาใหญ่ ติดอยู่ที่ว่าสองสาวโอดโอยว่าไม่ไหวแล้วๆ (อะไรฟะเมื่อกี๊เห็นเพิ่งเขมือบซาลาเปา 2 ลูก ขนมจีบอีก 2 ไม้ ชาเย็น คุ๊กกี้ และอะไรต่อมิอะไรที่เซเว่นอยู่หยกๆ) นี่มนุษย์หรือเครื่องบดอาหารฟะเนี่ย สุดท้ายผมก็ต้องแวะปั๊ม สองรุมหนึ่งยังไงก็ชนะเสมอ จริงๆหนึ่งรุมหนึ่งก็ชนะอยู่ดี ขืนไม่ตามใจก็มีแต่ต้องฟังเสียงบ่นว่าพามาลำบากฮือๆอะไรแบบนี้ กับข้าวในปั๊มก็ใช่ว่าน่ากิน ไอ้เราก็กะว่าพวกเธอต้องบอกว่าไม่น่ากินแน่ๆแต่เปล่าเลย ไปถึงก็เดินไปชี้โน่นชี้นี่ ข้าวแกง เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว สารพัด แล้วก็กลับมานั่งกินกันบันเทิง พวกผู้หญิงนี่เวลาหิวขึ้นมาอะไรก็อร่อยไปหมด น่ากลัวจัง
ระหว่างทางเข้าไปเขาใหญ่เราเจอ Palio เขาใหญ่จึงแวะซะหน่อย กะว่าใน Palio จะมีร้านเค้กร้านกาแฟเยอะ แต่ดันเจอแค่ร้านขายเสื้อเขียนข้อความว่ามาเขาใหญ่แล้วนะ อะไรทำนองนี้ นอกจากร้านขายเสื้อก็มีร้านดอกไม้ ร้านอาหาร ร้านกาแฟที่ไม่มีเค้ก มีแต่ร้านไอติม สรุปว่าไม่มีร้านเค้กซักร้าน
ออกจาก Palio ขับมาเรื่อยๆในที่สุดก็เจอร้านเค้ก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นร้านกาแฟชื่อ Coffee Mania
เขียนป้ายว่าเปิดเสาร์-อาทิตย์ เราไปวันธรรมดาแต่มีคนขายออกมาต้อนรับ เราสั่งเค้กเผือกและกาแฟเย็น
บรรยากาศดีเหมือนสวนในบ้าน ไม่ค่อยมีเค้ก เหมือนอยู่บ้านกันจริงๆ เราถ่อมาถึงเขาใหญ่เพื่อพบว่าตัวเองมานั่งแห้งๆ จิบกาแฟ กินเค้กเผือกที่ไม่มีเผือกซักเท่าไหร่
จริงๆแล้วผมพยายามจะเขียนอะไรถึงร้านนี้นะ ติดอยู่ตรงที่ว่าถ้าเขียนอะไรนอกจากนี้ได้ผมคงต้องแต่งเรื่องเองล้วนๆ รายละเอียดจริงๆคือ มีเค้ก 1 ก้อนให้เลือก และมีชิ้นเดียว ไม่ค่อยมีเผือก และจบการรีวิว
ออกจาก Coffee Mania เราขับรถกันต่อ (เรา หมายถึง ผมขับคนเดียว อีก 2 สาวนั่งฟังแต่ I-Pod เจ๋งมั้ยล่ะ) ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในถนนเส้นหมูสี-วังน้ำเขียว หรือเส้นที่จะกลับกรุงเทพนี่แหละ ไปเจอกับร้าน A cup of Love
ซึ่งเราอ่านในหนังสือนำเที่ยว บอกว่าเป็นร้านที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง ซึ่งถูกเป๊ะ ถ้าคุณกำลังต้องการทุ่งหญ้า กังหัน และการถ่ายรูปแกะ มากกว่ากาแฟและเค้กในร้านที่ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าการได้มานั่งจิบกาแฟและกินเค้กอร่อยๆ เพราะบรรยากาศน่ะเป็นใจสุดๆ ทั้งร่มรื่น ตกแต่งสวยงาม ลมเย็น และแสนจะโรแมนติก
ที่เลี้ยงแกะ ซึ่งพวกเราซื้อคูปองเข้าไปดูแกะแบบข้างล่างนี่
แต่ก่อนที่โลกนี้จะสวยงามเกินไป ความจริงก็คือที่ Coffee Mania เรามีเค้ก 1 ก้อนที่ให้เนื้อหารีวิวที่สั้นมากกับเรา ส่วนที่ A cup of Love นี้มีเพียงเค้กส้มในฟอยล์ถ้วยเล็กๆ ที่พวกเราไม่แม้แต่มีใครอยากจะสั่งหรือพูดถึงด้วยซ้ำไป แต่เอาล่ะ ไหนๆก็มาแล้ว พวกเราเดินชมวิว ถ่ายรูป นั่งพักซักครู่ ก่อนที่จะกลับกรุงเทพกันอย่างจืดชืดซะยิ่งกว่าตอนกินน้ำเปล่า สรุปว่าตลอดเส้นทางเราเจอแต่ร้านกาแฟที่เหมือนจะปิดกันหมด บ้างก็เหมือนกึ่งเปิดกึ่งปิด คือร้านเปิดแต่ไม่มีพนักงาน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีเค้ก มีกาแฟแพงๆ และที่พอจะเข้าไปรีวิวกันได้ก็แค่ 2 ที่ๆว่านั่นแหละ
ไม่ว่าในหนังสือนำเที่ยวจะรีวิวไว้ดีเลิศแค่ไหน แต่สิ่งที่ได้เจอยังไม่ประทับใจพวกเราเท่าไหร่ คือ ถ้าคุณต้องการบรรยากาศดีๆล่ะก็ในเขาใหญ่มีให้เพียบแปล้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะมาหาอะไรที่ว่า เช่นเค้ก กาแฟ กันแบบจริงจัง แนะนำให้เอาเวลาไปนั่งติดแสตมป์เซเว่นอยู่บ้านดีกว่า เพราะนอกจากจะไม่ต้องตากแดดร้อนๆ เปลืองน้ำมันรถ หาของที่ไม่มี และต้องทนฟังเสียงบ่นตลอดทางแล้วล่ะก็ อย่างน้อยการนั่งอยู่บ้านเฉยๆแม้จะดูไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังดีกว่าการออกมาแล้วแต่ดันหาประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ มิหนำซ้ำ ยังทำให้จินตนาการหรูเลิศที่วาดหวังไว้มลายไปซะอีก
บางทีผมอาจจะพูดเกินไป
อย่างน้อยร้านเค้กที่นี่ก็มีแกะให้ดูมากกว่าที่กรุงเทพล่ะเอ้า