Chocolate raspherry fight : The icing room VS the lantern
ช็อกโกแลตที่แสนเข้มข้น กับ ราสเบอรี่ที่แสนเปรี้ยวนั้น...จะว่าไปแล้วก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
เพราะการจะทำให้รสชาติที่ต่างกันสุดขั้ว มาเข้ากันได้อย่างพอเจาะ พอดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และการจะตามหาเค้กตัวนี้ในเมืองไทยนั้นนน...ก็ไม่ง่ายเช่นกัน แต่แล้วฟ้าฝนก็ดลใจให้เราได้เดินทางมาเจอกันจนได้ ศึก chocolate raspberry cake จึงเกิดขึ้น ณ บัดนี้
เริ่มจากผู้เข้าแข่งขันคนแรก...The icing room...
พูดชื่อแล้วอาจจะไม่คุ้นกัน แท้จริงแล้วthe icing roomคือแบรนด์เดียวกับbread talk นั่นเอง ที่แยกตัว แต่กลายมาทำเค้ก ใครที่เคยไปเมกกะบางนา อาจคุ้นๆกับซุ้มเล็กๆ ที่แต่งอย่างน่ารักๆบนชั้นสองของห้างและอาจได้ผ่านตาบ้างกับเค้กหน้าตาหรูหรา โชว์อย่างสวยงามในตู้กระจก นอกจากนี้ยังมี เค้กสำหรับให้แต่งหน้าเองอีกด้วย
ร้านอยู่ในโรงแรมนะคะ เป็นแผนกเบเกอรี่ค่ะ หรือจะเข้าทางท่าเรือคลองสานก็ได้ค่ะ ข้ามจากฝั่งสี่พระยามาคลองสาน โรงแรมอยู่ติดกับโป๊ะเรือเลยค่ะ มีสะพานเล็กๆ แยกออกมาให้เดินเข้าโรงแรมได้เลยสะดวกมากๆ
ข้อมูล : premium chocolate : The lantern ราคา 85 บาท service charge 10%
summer berry :The icing room ราคา 108 บาท no service charge
เอาล่ะค่ะ เมื่อเค้กทั้งสองตัวเดินทางมาถึง Bakegazine Hall แล้ว ...การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น ถ้าสังเกตุจะห็นได้ว่าเค้กสองตัวนี้ จะคล้ายกันอยู่อย่าง คือต่างก็มี เนื้อช็อกโกแลต แล้วสลับกับชั้นมูส ที่มี raspberry compost แทรกอยู่อย่างแนบเนียน ต่างกันเพียงแค่ ของicing room มีครีม(ที่คาดว่าน่าจะเป็นคัสตาร์ด) แทรกอยู่ด้วย แล้วปิดท้ายด้วยชั้นของช็อกโกแลตมูสเข้มๆทำเป็นลายหยักๆ ตกแต่งด้วย ลูกเชอร์รี่เล็กๆ (มั้งนะ)
ส่วนของ the lanternนั้น ค่อนข้างมีความเรียบง่าย และเรียบร้อยมากกว่า ซึ่งจบที่การราดด้วยกานาชช็อกโกแลต แล้วแต่งด้วยผลราสเบอรี่สดถึงสองลูกก่อนจะโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เอาล่ะซิ กรรมการทำหน้าหนักใจ ฝ่ายหนึ่งก็สูงยาวเข่าดี อีกฝ่ายก็เรียบร้อย น่ารัก กะจุก กะจิ๊ก
แต่แล้วความน่ารักก็ต้องพ่ายให้กับความสูงที่ดูจะกินได้เยอะกว่า เอ้ยย...น่ากินกว่า เพราะนอกจาก the icing room จะสูงกว่าแล้ว ก็มีลูกเล่นเยอะกว่าอีกด้วย icing room ชนะไปด้วยคะแนน 4 ต่อ 3 ทีนี้เวลาที่รอคอยมาถึงซะที ลำพังแค่หน้าตาเพียงอย่างเดียวตัดสินอะไรไม่ได้หรอกนะ ฮึม!!
รสชาติต่างหากจะเป็นตัวตัดสิน เริ่มด้วย the icing room ก่อนเลยแล้วกัน เอ่ออ...แบบว่ามูสนั้นมีความกรุบกรับนิดๆของบิสกิตที่แอบซ่อนอยู่ด้วย
แต่ถึงจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย คำแรกที่กัดเข้าไปนั้นนนน...ทำให้รู้จักคำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ! ไม่รู้ว่าเค้กชิ้นนี้เก็บมานานเท่าไหร่แล้ว รสบางอย่างมันหายไป ช็อกโกแลตมูสมันอาจจะเข้มไปสักหน่อย กับราสเบอรี่ที่คงจะดีถ้าไม่เปรี้ยวมากเกินไป แต่ที่สำคัญที่สุด...อยากได้เนื้อสัมผัสที่แสนจะเนียนนุ่มของมูสช็อกโกแลตอ่ะค่ะ
ถ้าเทียบกันแล้วต้องขอบอกว่า ช็อกโกแลตราสเบอรี่ของThe lanterm นั้นชนะใสๆลอยๆเลยค่ะ.. ทั้งชั้นของมูสช็อกโกแลตที่เนียนนุ่ม ละมุนลิ้น ทั้งความเปรี้ยวหวานกำลังดีของ ราสเบอรี่ กับช็อกโกแลตที่ไม่ได้ขม แต่กลับมีความเข้มข้นในตัวของมันเอง ถ้าไม่ติดว่าแผ่นเค้กบางไปนิด กลิ่นราสเบอรี่อ่อนไปหน่อย คงอร่อยได้เต็มร้อยกว่านี้ แค่อย่างน้อยก็พูดคำว่า...อร้อยยยย....อร่อยได้เต็มปาก
กรรมการเป่านกหวีด หร้อมๆกับเสียงระฆังดังก้องกังวาล เป็นสัญญาณบอกหมดเวลา นับถึง8ก็แล้ว...9ก็แล้ว...สิบบบบ ก็ยังไม่มีทีท่าฝ่ายผู้แพ้จะลุกขึ้นอีกครั้ง ชัยชนะจึงตกเป็นของThe lantern ด้วยคะแนนทิ้งห่าง อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
และถึงแม้การแข่งขันจะจบลงแล้วแต่ความประทับใจยังไม่หมด(ไปได้ง่ายๆ) คณะกรรมการต่างลงความเห็นกันอย่างหนักแน่นว่า ครั้งหน้าจะตามไปชิมเค้กตัวอื่นของThe Lantern อีกครั้งให้ได้