จับโกหก บาน็อฟฟี่ Banoffie the truth reveals here
ก่อนจะถึงยุคแห่งเครปเค้กเฉกเช่นทุกวันนี้ มันคือยุคของบาน็อฟฟี่ เบเกอรี่แบบง่ายๆที่ฮิตแสนฮิต
สาวๆชอบกันมาก อืมม์ เรียกว่าคลั่งดีกว่า ก่อนจะโดนเขี่ยแรงๆให้ตกลงไปจากตำแหน่งขนมหวานสุดฮิต เสมือนดาราสาวๆหน้าใหม่เขี่ยดาราเก่าๆให้พ้นหน้า ตกบัลลังก์กันขาขวิดไปหมด ยังไงยังงั้น
แต่ก็เหมือนดาราเก่าๆที่กลับมาเกิดใหม่อีกทีไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว ที่เราเรียกให้เก๋ไก๋ว่า Reborn จากบทลูกกลายเป็นพี่สาว เป็นน้า เป็นแม่ เป็นยาย เป็นทวด แล้วกลับมาเป็นแม่อีกก็ยังได้ บาน็อฟฟี่ทำตัวแบบนั้นเลย คือ reborn แล้ว reborn อีก ไม่ไปไหนไกล อยู่ในสายตาตลอด เหมือนจะเลิกฮิตแล้ว แต่ก็ฮิตอีก หมดยุคไปแล้ว อ้าวขึ้นมาฮิตอีก
การ reborn เรื่อยๆ ทำให้บาน็อฟฟี่ยังดำรงอยู่ แบบว่าเอาขาเกี่ยวไว้ข้างนึง ทำตัวแบบว่า ไม่ไฉไลมาก แต่ก็ไม่ไก่กานะคะ คือยังโอเคนะ ไม่เอ้าท์ ชิวๆ ฟินด้วย......ช้านยังโอเค๊ !!
ก็เพราะเหตุผลนี้ พวกเราจึงเห็นบาน็อฟฟี่อยู่เกลื่อนกลาด แบบว่าร้านเบเกอรี่ที่ดีควรจะมีไว้ประจำตู้ เผื่อสาวๆมาถามหา ครั้นจะบอกว่าไม่มีเดี๋ยวจะโดนหาว่าเค้กง่ายๆแบบบาน็อฟฟี่ยังทำไม่เป็นแล้วจะมาเปิดร้านเค้กหากระเทียมดองอะไรไม่ทราบ บาน็อฟฟี่ก็ทำไม่ยากจริง แต่ทำให้อร่อยมันยากนะ ฟังดูฉลาดด้วยโง่ด้วยใช่มั้ย เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีหลัง
มีคนเคยกล่าวไว้ว่าบาน็อฟฟี่ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ และคนเดียวกันนี้แหละบอกว่าบาน็อฟฟี่เกิดจากการต้มนมข้นหวานจนเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เทลงบนฐานพาย หั่นกล้วยใส่ บีบซอสช็อกโกแล็ตหน่อย แล้วจึงโปะด้วยวิปครีม แบบนี้เรียกว่า บาน็อฟฟี
เนื่องด้วยมีส่วนประกอบ 5 อย่างนี้ แต่ครั้นจะเรียกว่า พายกล้วยคาราเมลช็อกโกแล็ตวิปครีม มันก็ดูจะไร้เดียงสาไปหน่อย พวกเค้าจึงเรียกขนมชนิดนี้ว่า บาน็อฟฟี่ = บานาน่า + ท็อฟฟี่
ทีนี้พวกเราชาวไทยเก่งกว่า นำมาดัดแปลงกันสนุกสนาน ไม่ใส่ช็อกโกแล็ตบ้าง ไม่ใส่คาราเมลบ้าง กล้วยน้อยจนแทบไม่มีบ้าง วิปครีมเละไปบ้าง จึงเป็นที่มาของการ "จับโกหก บาน็อฟฟี่" ของ Bakegazine มาดูกันซิว่าใครจะรอดบ้าง แต่ขอออกตัวก่อนว่าร้านที่เลือกมานี่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรา แต่จะได้จะเสียอะไรไปบ้างหลังจากนี้ก็ไม่รู้ล่ะนะ โปรดฝากความหวังไว้ที่ช้อนเล็กๆ..ปลายลิ้นเปื้อนน้ำลาย.. และสายตาแบบแสนจะเป็นกลางของผู้ชิมก็แล้วกัน
1. ไล-บรา-รี่
ดูเผินๆ บาน็อฟฟี่ของร้าน ไล-บรา-รี่ มีครบองค์ประกอบทั้ง 5 อย่าง ครบ..แต่รสชาติยังกลางๆ ไม่มีอะไรให้ติมากนัก เช่นเดียวกับไม่มีอะไรให้ชื่นชมเช่นกัน
2. Fratta cafe
อันนี้มาในรูปแบบถ้วย ไม่มีซอสช็อกโกแล็ตแต่มีผงโกโก้แทน ใช้โอรีโอบดกรุแทนพาย กล้วยสุกกำลังดี คาราเมลน้อย วิปครีมรสชาติเรื่อยๆเหมือนนั่งรถเมล์ กินแล้วให้ความรู้สึกเดียว คือเหมือนมีอะไรหวานๆผ่านลำคอลงท้องไป
3. เค้กใบเฟริน
เกือบครบองค์ประกอบเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าซอสช็อกโกแล็ตให้มาแบบแค่พอให้รู้ว่ามี ชั้นพายบดไม่ละเอียด หรือบดละเอียดเกินไปจนกลับมาเป็นก้อนอีกครั้งก็ไม่รู้ คาราเมลย้อยมาก เอ้ย น้อยมาก กล้วยหอมใส่แบบไม่ต้องจัดเรียง ตามภาพ เข้าใจคำว่าไม่เป็นระเบียบก็คราวนี้แหละ วิปครีมอ่อนไปหน่อยจึงทยอยกันย้อยตามแรงโน้มถ่วง ตามภาพ แต่รสชาติพอผ่านนะ ไม่สวยแต่รูป จูบหอม
4. My cafe the library
ไม่มีซอสช็อกโกแล็ต และใช้เค้กช็อกโกแล็ตแทนฐานพาย ชั้นเค้กค่อนข้างสูง ยืดเนื้อที่ได้เยอะทีเดียว ใส่กล้วยเป็นลูกๆ คาดว่าไม่มีการหั่น คาราเมลน้อยและรสชาติอ่อนเกินไป วิปครีมด้านบนน่าจะผสมมาสคาโพนชีส ซึ่งเป็นร้านแรกที่เจอ บาน็อฟฟี่ต้นตำรับจะตีวิปครีมผสมมาสคาโพนชีสเพื่อความเข้มข้น โดยภาพรวมถือว่าธรรมดาเกินกว่าจะบอกว่าดี และดีเกินกว่าจะบอกว่าธรรมดา งงมั้ย
5. Yingdeaw Homemade
เงิน 100 บาททำอะไรได้บ้าง ที่ Yingdeaw Homemade เราจะได้ โอรีโอประมาณ 5 บาท คาราเมล 2 บาท กล้วยหอม 5 บาท ซอสช็อกโกแล็ต 4 บาท และวิปครีม 6 บาท ที่เหลือคือค่าทีนั่งติดคนนั่งกินส้มตำปลาร้า กับน้ำหอมกลิ่นลาบก้อยติดตัวเวลากินเสร็จ
ส่วนรสชาติขอไม่กล่าวถึง เพราะไม่มีอะไรจะกล่าว ธรรมดา และควรปรับปรุง
6. Sweet cafe
มีครบองค์ประกอบอีกเช่นกัน และทำได้ดีทีเดียว ทั้งตัวพายโอรีโอ กล้วยหอม วิปครีมที่ดูเหมือนผสมคัสตาร์ด แต่ติดที่คาราเมลใช้เป็นซอสบางๆราด เหมือนใส่เสื้อแต่ไม่ใส่กางเกง หรือแต่งตัวเนี้ยบแต่ถุงเท้าขาดเป็นรู จึงไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น นี่เรียกว่าจะถึงเส้นชัยแล้ววิ่งออกนอกลู่ (นอกทาง) รึเปล่า
ส่วนรสชาติ อร่อยพอใช้ได้ กินเพลินๆ ไม่ถึงกับดีมากแต่ก็พอรับได้
เป็นยังไงครับ ที่เกริ่นไว้แต่แรกว่าบาน็อฟฟี่เป็นขนมทำง่ายแต่ทำให้อร่อยยาก
ยังฟังดูฉลาดด้วยโง่ด้วยอยู่รึเปล่าครับทีนี้