Grand Hyatt Erawan บรรยากาศไฮคลาส และเค้กแสนอร่อยมาตรฐานสูง
คุณควรหาเวลาว่างมาเดินเล่นทอดน่องแถวราชประสงค์บ้าง มีอะไรให้ทำเยอะแยะ
และการเดินทางในละแวกนี้ก็สะดวกสุดๆ สามารถขึ้นๆลงๆเข้าออกห้างโน้นห้างนี้ในแบบที่ว่าเท้าไม่ต้องแตะพื้นซักแอะ ก็เพราะไอ้เจ้า skywalk ทางเดินแสนสะดวกเนี่ยแหละ ที่ไม่ใช่ว่าจะเหนื่อยน้อยลงอะไรหรอกนะครับ แต่ไหนๆเขาทำไว้ให้ใช้แล้วก็ใช้มันซะหน่อย ปล่อยไว้ก็เป็นที่ทิ้งขยะเปล่าๆ และถ้าการมองหาร้านเค้กอร่อยๆเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของคุณอยู่เสมอล่ะก็ บริเวณนี้มีเพียบ และดีๆทั้งนั้นด้วย
คำแนะนำของผมก็คือให้เริ่มต้นที่โรงแรมเอราวัณและจบลงที่โรงแรมเอราวัณเหมือนเดิม เวลาว่างระหว่างนั้นค่อยไปดูร้านอื่น ทำไมน่ะเหรอครับ ก็มาทีแรกมาเพื่อเล็งขนมเค้กไว้ก่อนแต่เนิ่นๆด้วยเหตุผลว่าที่นี่มีเค้กเยอะกว่าที่อื่น การมาเร็วเป็นความคิดที่ดีถ้าคุณอยากรู้ว่าเค้กแบบเต็มๆของวันนั้นมีอะไรบ้าง และการมาทีที่สองควรมาหลัง 18.30 เพื่อมาซื้อเค้กตอนลดราคา 50% ที่จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้เยอะ แต่ก็เสี่ยงที่ว่าบางครั้งมันก็อาจจะเหลือแต่เค้กที่คุณไม่ได้เล็งไว้ หรืออย่างน้อยก็ยังเหลือเค้กอยู่บ้างถ้าคุณโชคดีพอ
คุณสามารถเข้าออกโรงแรมเอราวัณได้สะดวกสุดๆ จริงๆแล้วสะดวกเกินไปด้วยซ้ำจนอาจจะเริ่มงงว่าประตูไหนใกล้ว่าประตูไหนกันแน่ คุณอาจจะรู้สึกสับสนว่าทางเข้าออกควรจะเยอะให้พรึ่บแบบนี้รึเปล่า แต่สิ่งที่คุณจะเจอเมื่อลงไปชั้นล่างของโรงแรมคือทางเดินที่มืดราวกับอยู่ในป่าอเมซอน (ที่ล้อมด้วยผนังปูนกับเฟอร์นิเจอร์แกะสลักน่ะนะ) และยังมีน้ำพุและใบไม้เขียวชอุ่ม (ท่ามกลางโต๊ะและเก้าอี้มันวับ) แต่ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ บรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกนี้มีส่วนช่วยให้เรารู้สึกดีกับอะไรก็ตามที่เรากินเข้าไปที่นี่ ต่อให้มันเป็นแค่ถั่วเม็ดเล็กๆก็ตาม
และด้วยความตั้งใจที่จะรีวิวให้ดีที่สุด ผมจึงวางแผนไว้ว่าเราจะชิมเค้กที่นี่ครึ่งหนึ่ง (ถ้าเรายับยั้งมือและช้อนส้อมคู่ใจไว้ได้น่ะนะ) และชิมเค้กที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งที่บ้านแล้วค่อยสรุปผล เพื่อให้บรรยากาศอันแสนดีไม่มีแต้มต่อ ฟังดูฉลาดพอตัวใช่มั้ยล่ะครับ แต่พวกเราน่ะพวกดีแต่ปากทั้งนั้นล่ะ ความเป็นจริงพวกเราคงจะซัดเค้กเรียบตั้งแต่เดินยังไม่พ้นหน้าร้านซะล่ะมั้งครับ และถึงไม่เป็นแบบนั้น เราก็คงแซะกินหมดระหว่างทางอยู่ดี
มีคนเคยบอกว่าถ้าเราหาข้อติของโรงแรม 5 ดาวได้เกิน 5 อย่าง โรงแรมนั้นก็ไม่ใช่ 5 ดาวอีกต่อไป ใครจะไปสน ถ้ามีอะไรบางอย่างที่คุณสนใจกว่าอย่างอื่นแล้วคุณคิดว่ามัน 5 ดาว โรงแรมนั้นมันก็ 5 ดาวสำหรับคุณอยู่ดีว่ามั้ย สำหรับบางคนมันคือลิมูซีน ห้องน้ำใหญ่กว่าห้องรับแขก สเต็กกึ่งสุกกึ่งดิบแบบเป๊ะๆ ทีวีโฮมเธียเตอร์ มินิบาร์ แชมพูแถมฟรีสุดหรู ดินเนอร์ใต้แสงเทียน หรืออะไรก็ช่าง
แต่สำหรับผม ถ้ากินเค้กที่โรงแรมนั้นแล้วรู้สึกว่ามัน 5 ดาว ต่อให้ไม่มีใครซักคนมาช่วยยกกระเป๋า ผมก็ถือว่าเป็นโรงแรม 5 ดาวอยู่ดี ไอ้บ้าที่ไหนจะหาว่าผมเพ้อเจ้อก็ช่าง แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ
ซึ่งผมกำลังจะพิสูจน์มันตอนนี้ล่ะครับ เค้กที่เล็งไว้ตอนมารอบแรกยังคงอยู่ครบเมื่อพวกเรามาถึงอีกครั้งตอน 18.45 น. ตามแผนเป๊ะๆ
ระหว่างกำลังยืนเลือกเค้กอย่างมีความสุขอยู่ซักพักหนึ่งโดยไม่มีใครเข้ามาถาม พลันก็เห็นใครๆต่างก็ไปหยิบกระดาษเล็กๆที่เรียกว่าบัตรคิว ยังดีที่การต่อคิวได้รับการเคารพที่นี่ และการทำตัวแบบผู้มีอารยธรรมเป็นเรื่องดีเสมอ ซึ่งคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะผมไม่รู้เรื่องนี้แล้วเอาแต่ยืนเลือกเค้กโดยไม่มีบัตรคิวอยู่นานแล้วพร้อมกับปล่อยให้คนอื่นแซงคิวอย่างถูกต้องไปแล้วกว่าสิบคน ตอนที่เราเข้ามาในร้าน Erawan Bakery นี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครมาแจ้งเรื่องนี้ให้เราทราบ
มันคือแบบนี้ เราควรรู้เรื่องพวกนี้เอาเองหรือไม่ก็ยืนเลือกเค้กกันทั้งคืนโดยไม่มีสิทธิ์ซื้อ แค่ยืนดูคนอื่นซื้อเอาๆกันไป น่าตลกดีเหมือนกัน แต่อย่างน้อยการต่อคิวเป็นสิ่งที่ดี ผมไม่มีปัญหากับเรื่องแบบนี้ แต่เอาเป็นว่า ผมอยากให้มีใครซักคนคอยบอกลูกค้าที่เดินเข้ามาใหม่ซักหน่อย พนันได้เลยว่านักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่ไม่ได้มาซื้อทุกวันย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้ และพวกเค้าต้องอยากรู้แน่ๆเชื่อผมสิ
เอาล่ะเมื่อได้บัตรคิวแล้วเราต้องรอให้พนักงานเรียกเบอร์ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาก็คือเราต้องเลือกเค้กไว้ในใจครบแล้วเหมือนตอนเลือกคณะเวลาคุณสอบเอนทรานซ์ ผมไม่แนะนำให้คุณมายืนเก้ๆกังๆหลังจากได้สิทธิ์ซื้อ นั่นจะทำให้คุณดูแย่มาก ดูเหมือนพวกห่วยแตกอะไรทำนองนั้น แบบว่าตัดสินใจอะไรในชีวิตช้าแบบนี้ใช่มั้ยอะไรแบบนั้นน่ะครับ และคุณไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่คุณเลือกไว้ได้ หรือทำได้แต่ก็ต้องแลกกับการโดนสายตาหลายสิบคู่จับจ้อง มันเหมือนการออกไปยืนหน้าชั้นเพื่อป่าวประกาศถึงสิ่งที่คุณชอบต่อหน้าคนเยอะๆที่คุณไม่รู้จัก ไม่บ่อยนักที่ผมอยากจะทำแบบนั้น
เอาล่ะ สิ่งที่คุณควรทำคือการเลือกเค้กอย่างรอบคอบ จำชื่อเค้กไว้ในใจ พูดเสียงดังฟังชัดขณะสั่ง และเมื่อพนักงานรับออเดอร์ไปแล้ว งานของคุณก็เหลือแค่รอเรียกเบอร์อีกทีเพื่อไปจ่ายตังค์ก็เท่านั้น แบบนี้คุณก็จะได้เค้กมา ง่ายมั้ยล่ะครับ
เค้กที่นี่ดูน่ากินจริงๆ และสวยงาม มีหลากหลายแนวให้เลือก
เราได้เค้กมา 3 ชิ้น คือ Pandan coconut, chocolate pie และ strawberry cheesecake
เริ่มกันที่ Pandan coconut (130บาท)
เป็นเค้กใบเตยมะพร้าว คือเนื้อชิฟฟอนใบเตย 3 ชั้นคั่นด้วยซอสคล้ายๆกึ่งสังขยากึ่งครีมใบเตย มีรสมะพร้าวนิดๆจากเกล็ดมะพร้าวขูด เนื้อเค้กนิ่มดีหรือบางทีอาจจะแฉะไปเล็กน้อยซึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการทาน้ำเชื่อมให้ชุ่มชื้น รสชาติโดยรวมจะคล้ายๆกับการกินเค้กใบเตยและสังขยาในรูปแบบที่สังขยาเซ็ตตัวมากกว่าปกติ ในหนึ่งคำคุณจะรู้สึกดีกับรสชาติ แต่ก็ไม่ถึงกับเต็มที่ เพราะส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามีรสมะพร้าวน้อยเกินไปหน่อย ซึ่งถ้ามีเยอะรับรองเค้กจะอร่อยกว่านี้หลายเท่า เพราะเหมือนจะมีแต่รสใบเตยเป็นหลัก ถือว่าพอกินได้ พูดว่าอร่อยไม่เคอะเขิน แต่อร่อยได้อีก
ชิ้นต่อมาเป็น chocolate pie (130บาท)
มีส่วนประกอบหลักคือส่วนแป้งพายเป็นฐาน และไส้หรือ filling เป็น chocolate ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นช็อกโกแล็ตดีแน่ๆ เข้มข้นและเนียน ได้สัมผัสที่ดี
แม้ว่า volume จะไม่แน่นเท่าไหร่ เพราะพายแบบนี้บางที่ก็เน้นความแน่นบางที่ก็เน้นความนุ่มเบาละลายในปาก ซึ่งถ้าเป็นแบบแรกมักจะมีส่วนผสมของไข่และพวกวิปครีมแท้แบบไขมันสูงด้วย แต่ที่แน่ๆ ช็อกโกแล็ตที่ใช้ต้องดีสุดๆเพราะกินปุ๊บจะรู้ทันทีว่าเอาเกรดอะไรมาทำ ซึ่งชิ้นนี้อร่อยเข้มข้นใช้ได้ครับ แม้ว่าผมอยากจะให้เนื้อแน่นอีกนิดหน่อยก็ตาม
และชิ้นที่ 3 คือ strawberry cheese cake (130บาท)
มีส่วนประกอบคือฐาน cheese filling และสตรอเบอร์รี่กับเยลลี่ที่ด้านบน ส่วนฐานผมเฉยๆครับ บางและไม่มีส่วนร่วมกับเค้กเท่าไหร่ ตัวชีสทำได้โอเคครับแม้ว่าจะมีกลิ่นโยเกิรตเยอะไปนิดนึง เนื้อจะค่อนข้างแห้งคาดว่าเพราะโยเกิรตนี่ล่ะครับ ไม่แน่ใจว่าตั้งใจแบบนี้รึเปล่า แต่ก็ถือว่าอร่อยอยู่ครับ เป็นรสชีสเค้กที่เปรี้ยวนำ ส่วนด้านบนสตรอเบอร์รี่ก็อร่อยดี แม้บางลูกจะเปรี้ยวไปหน่อย เยลลี่จืดไปหน่อยครับ แต่เค้กแบบโรงแรมจะไม่เน้นความจัดจ้านอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติครับ
พวกเราทำได้สำเร็จในแง่ที่ว่าเรากินไปครึ่งนึงที่โรงแรม และไปกินอีกครึ่งนึงที่บ้าน (เหลืออย่างละคำนี่เรียกว่าถึงครึ่งมั้ยครับ) และสรุปได้ว่าอร่อย แต่รู้สึกว่ามันอร่อยกว่าเมื่อกินที่โรงแรม
และนั่นก็คือบทสรุปของผม ในแง่ที่ว่าเราให้ 4 (+1) ดาวซึ่งคือคำตอบที่ดูดีและเข้าท่าที่สุดที่ผมพอจะนึกออก อย่างน้อยมันก็เป็นข้ออ้างให้ผมต้องแวะไปอีกเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าไอ้ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บน่ะสมควรบวกเข้าไปด้วยมั้ย แต่สาบานได้เลยว่าคราวหน้าที่ไป Erawan Bakery สิ่งแรกที่ผมจะทำเมื่อไปถึงก็คือไปหยิบบัตรคิว ซึ่งในรายชื่อเค้กที่จะซื้อต้องมี chocolate pie อาจมีหรือไม่มี strawberry cheesecake ก็ได้ และไม่มี Pandan coconut แน่ๆ โดยอาจจะซื้อซัก 3 - 4 ชิ้น พูดเสียงดังฟังชัดเวลาสั่ง เสร็จแล้วก็เปิดกินมันที่ร้านนั่นแหละ แล้วค่อยสรุปให้แน่ใจอีกที
และที่สำคัญ จะคอยดูว่ามีใครเดินเข้ามาเลือกเค้กโดยไม่ได้หยิบบัตรคิวรึเปล่า
ไม่ได้จะรอไปบอกเค้าหรอกครับ
แค่อยากรู้ว่าจะมีใครยืนเลือกเค้กโดยไม่มีบัตรคิวได้นานแบบที่ผมทำรึเปล่าก็แค่นั้น