Patisserie Mori Osaka ขนมหวานเบาๆในแหล่งเร้าใจ ไปลองกันมั้ยย
ท่ามกลางแสงสีเร้าใจบางทีคุณก็ต้องการอะไรเบาๆบ้าง ผมไม่ได้หมายถึงว่า ให้ RCA มีอะไรเบาๆบ้าง
อะไรที่จะมาเบนความสนใจพวกเราไปจากอะไรหนักๆแบบ Route66 Slim ตักสุรา ใครจะไปทำแบบนั้นได้ล่ะ ในเมื่อเราเข้าไปก็เพื่อของอย่างว่านั่น ผมหมายถึงการแดนซ์ กระดกแก้วเหล้า สังสรรค์ เฮฮา แบบนั้นแหล่ะ และถ้ามันดีอยู่แล้วเราก็ไม่ควรจะไปหาทางเปลี่ยนอะไรให้มันยุ่งยากจริงมั้ย แค่ถ้าวันไหนที่คุณอยากจะเข้าไป RCAแล้วหาอะไรอย่างอื่นทำนอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้บ้าง อย่างการนั่งชิลล์โดยไม่มีแอลกอฮอลล์เป็นต้น ไม่ว่าคุณจะเคยคิดแบบนี้มั้ย แต่ถ้าวันนี้คุณเดินเข้าไป RCA คุณจะถามตัวเองว่าร้านเค้ก Patisserie Mori Osaka ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญ นั่นใช่อะไรเบาๆท่ามกลางแสงสีอันเร้าใจของ RCA รึเปล่าล่ะ
ถ้าเจมส์ บอนด์เกิดพลัดหลงเข้ามาใน RCA เขาคงไม่เข้าไปดื่มเหล้าคนเดียวที่บาร์ ปั้นหน้าขรึม จีบสาวรินเบียร์ด้วยคำพูดเท่ๆแบบที่ใช้ได้แต่ในหนัง นั่นมันน่าเบื่อเกินไป และคุณก็คงไม่คิดว่าเจมส์ บอนด์จะเข้าไปแดนซ์โชว์สเตปที่กลางฟลอร์เหมือนกัน ยกเว้นว่ามันจะเป็นการนอกบท แต่การเข้าไปนั่งกินเค้กแบบละเลียดพร้อมจิบกาแฟซักแก้วด้วยมาดนุ่มๆฟังดูเป็นไปได้มากกว่า (ในกรณีที่เช้าเกินไปจนคุณยังหามาร์ตินี่ดื่มไม่ได้) ผมหมายถึง RCA มันก็อยู่กลางกรุง ถ้าจะมีอะไรอย่างอื่นทำบ้างนอกเหนือจากการเข้าไปแดนซ์มันก็ไม่แปลก ยิ่งถ้ามีร้านเค้กญี่ปุ่นที่บ้านเรากำลังฮิตมาเปิดก็ยิ่งไม่แปลก ขนาดเปิดบนภูเขาคนก็ยังดั้นด้นกันไปเที่ยว นี่แค่ RCA ใครจะไม่มาล่ะครับ
นอกเรื่องมาตั้งนาน จริงๆผมแค่จะบอกว่ามีร้านเค้กเปิดใหม่ที่ RCA และร้านนั้นก็คือ Patisserie Mori Osaka จริงๆแล้วผมพลัดหลงเข้าไปใน RCA และร้านนี้ก็ดึงดูดความสนใจของผมมากกว่าที่ผมอยากจะไปดื่มเหล้าคนเดียวที่บาร์ ปั้นหน้าขรึม จีบสาวรินเบียร์ด้วยคำพูดเท่ๆแบบที่ใช้ได้แต่ในหนัง และแน่นอนมันดีกว่าการแดนซ์ที่ฟลอร์เยอะ เพราะนอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังไม่ต้องตะโกนเวลาคุยกัน และที่สำคัญ กินเค้กยังไงๆก็ดีต่อสุขภาพกว่าการกินเหล้า แม้ว่าการอ้วนฉุจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีซักเท่าไหร่
ร้าน Patisserie Mori Osaka ให้คุณมากกว่านั้น คุณอาจอ้วนเพราะครีม น้ำตาล และช็อกโกแล็ต แต่อาจจะไม่ถึงกับฉุเพราะ 3 อย่างที่ว่ามานั่นก็ถูกลดปริมาณความเข้มข้นไปหลายเปอร์เซ็นต์แล้วที่นี่ เพื่อคุณจะได้ไม่อ้วนเท่าไหร่ ฟังดูดีทีเดียว แต่พูดก็พูดเหอะนะคือ ผมไม่เคยถามใครตรงๆแต่ถ้าเป็นผมล่ะก็ผมเลือกที่จะคืนความเข้มข้นให้ไอ้ 3 อย่างที่ว่ามานี่อีกที แม้อาจจะส่งผลให้ปริมาณไขมันกลับมาให้ผม 100% เหมือนเดิม แต่ถ้ามันคืนความอร่อยมาให้ผมได้ด้วยล่ะก็ผมจะไม่บ่นซักคำ
ผมไม่ใช่โอลีฟนะครับที่ต้องคอยเลือกระหว่างพระเอกชัดๆอย่างป๊อบอายกับผู้ร้ายโท่งๆอย่างบลูทัสและก็ยังเลือกไม่ได้ซักกะที ผมหมายถึงเราไม่น่าจะต้องถึงกับขนาดใช้ความไม่อ้วนเป็นจุดขายแล้วไปทำให้รสชาติขนมมันเบาหวิวสุดๆ จริงๆแล้วเค้กซักชิ้นนึงเนี่ย อร่อยก็คืออร่อย มันง่ายๆแบบนั้น
นอกเรื่องอีกแล้ว ที่ร้านนี้น่ะมีทุกอย่างที่ร้านเค้กญี่ปุ่นควรจะมี อย่างเช่น การตกแต่งด้วยไม้สีอบอุ่น ภาพวาดด้วยมือบนผนัง โปสการ์ด กระจกเยอะๆ เค้กแบบญี่ปุ่นรสชาติแบบเบาๆ เค้กชิฟฟอน ครีมสด low-fat ผลไม้สด
ราคาก็แบบญี่ปุ่น คือถูกสำหรับคนญี่ปุ่นและแพงสำหรับคนไทย แต่เอาเถอะครับ คนไทยเริ่มชินกับเค้กราคา 100 กว่าบาทกันแล้ว
มาดูหน้าตาเค้กกันครับ
เค้กที่ผมเลือกมาชิมก็มีอยู่ 2 ชิ้นครับ คือ Chocolate Bavarois และ Banana choco cake
ว่ากันที่ตัวแรก และเป็นตัวโปรโมตของที่ร้านด้วย Chocolate Bavarois
ข้างในเป็น Bavarois โดยความหมายก็น่าจะเป็นมูสที่ใช้ครีมเป็นส่วนประกอบและรสชาติต่างๆเท่าที่เห็นและชิมดูก็จะมีชั้นของเนื้อเค้กบางๆเป็นเนื้อสปองจ์อะไรแบบนั้น แล้วก็ส่วนของมูสและครีมก็ค่อนข้างเบาบางเหมือนมีอัลมอนด์นิดๆแต่ไม่ชัดเจน และไม่หวานเกินไป คือไม่หวานเกินไปแล้ว หมายถึงควรหวานกว่านี้นะครับ เนื้อเค้กก็เบาบาง เหมือนกินครีมเบาๆ และโคตติ้งด้านนอกด้วยช็อกโกแล็ตที่ก็รสชาติไม่หนักแน่นอีก
คือกินแล้วไม่ถึงกับประทับใจและไม่มีความชัดเจนของ after test คือเหมือนกินครีมเบาๆเท่านั้น ถ้าไม่บอกก่อนก็คงไม่รู้ว่าเป็น Bavarois ด้วยเพราะเท่าที่เคยเข้าใจบาวาเรียนครีมก็ไม่ได้เบาแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่ค่อนข้างถึงรสครีมกว่านี้เยอะทีเดียว และด้วยความที่เนื้อเค้กก็บางเฉียบ จึงทำให้รสชาติยิ่งเบาลงไปอีก นี่ผมพูดคำว่าเบาไปกี่คำแล้วเนี่ย นั่นคือคำพูดที่สื่อรสชาติเค้กได้เป๊ะที่สุด
ส่วนชิ้นที่ 2 คือ Banana choco cake
เป็นไอเดียที่อร่อยเสมอสำหรับ เค้กครีมสดและกล้วย อาจรวมถึงคาราเมลด้วย แต่ Banana choco cake ชิ้นนี้เป็นแบบนี้ครับ มีเนื้อเค้กสปองจ์ คัสตาร์ดครีม ครีมสด กล้วย และช็อกโกแล็ตนิดๆอัลมอนด์แปะรอบๆ โดยรวมแล้วก็ถือว่าเบามากอีกเช่นกัน ครีมเบาจริงๆ เหมือนจะมีมูสช็อกโกแล็ตแต่ก็ชั้นมูสค่อนข้างบางจนไม่ได้สัมผัสของช็อกโกแล็ตซักเท่าไหร่ ส่วนกล้วยก็คือกล้วยน่ะครับ แต่ถือว่าไม่ค่อยเป็นรสชาติของการเป็นเค้ก Banana & cream ซักเท่าไหร่ ครีมน่าจะเป็นรสชาติหลักของเค้กได้ดีกว่านี้ครับ
ผมอยากจะเข้าใจว่านี่คือสูตรญี่ปุ่นซึ่งพยายามเน้นความเบาไปรึเปล่า ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินเค้กญี่ปุ่นซะเมื่อไหร่ล่ะครับ อันนี้ผมอยากจะเรียกว่าเบากว่าเค้กญี่ปุ่นที่ว่าเบาอยู่แล้วซะอีก
สำหรับเค้กที่นี่ผมใช้คำว่า"เบา" ไม่ใช่ "ไม่ดี" นะครับ เพราะว่าถ้าจุดขายของ Patisserie Mori Osaka คือความเบาล่ะก็เค้กที่นี่สอบผ่านฉลุย แต่ไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็นรึเปล่ากับราคาที่ค่อนข้างสูง อย่าเข้าใจผิดครับ คือถ้าอร่อยแล้วดันอ้วนน้อยด้วยล่ะก็เจ๋ง แต่สำหรับผมยังถือว่ารสชาติธรรมดานะครับ แต่เอาเป็นว่าเราเอาเงินมาซื้อความไม่อ้วนในรูปแบบของการกินเข้าไป โดยการรู้สึกโชคดีที่ว่าเราอาจจะอ้วนกว่านี้ก็ได้ถ้าเค้กไม่เบาขนาดนี้ ใช่อย่างนี้รึเปล่า ฟังดูสับสนทีเดียวใช่มั้ยล่ะครับ
ผมไม่ใช่เจมส์ บอนด์ และ บอนด์ก็ไม่ใช่ผม แต่พนันได้เลยว่าถ้าบอนด์เกิดพลัดหลงเข้ามาใน RCA จริงๆ พวกต้องการความเร้าใจอย่างเค้าอาจจะอยากไปจีบหญิงและแดนซ์กระจายมากกว่า
ส่วนคำถามตอนต้นเรื่องว่านี่ใช่อะไรเบาๆท่ามกลางแสงสีอันเร้าใจของ RCA รึเปล่า
จากข้อเขียนของผมคุณคงได้รับคำตอบนั้นแล้ว