Four seasons hotel ชื่อนี้มีสี่ฤดู ตอนไหนๆก็อร่อยกับขนมได้หมด
ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ราวกับหน้าร้อนในทะเลทราย พระอาทิตย์ก็แผ่ความเจิดจ้า
พาเราและผองเพื่อนอีกสองคน เข้ามาหลบแดดและไอร้อน ในโรงแรมหรูหรามีระดับ อย่างตั้งใจ เมื่อผ่านทางเดินยาวๆเข้ามาพบกับล้อบบี้กว้างขวาง แอร์เย็นฉ่ำ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เย็นยะเยือกจนสงสัยว่าหิมะอาจจะตกในไม่ช้า เราพาร่างน้อยๆอันสั่นเทา เลี้ยวซ้ายมาตามทางเดินยาวๆ ข้างหน้าคือประตูกระจก กรอบไม้ บานโต คอยเลื่อน ขยับรอต้อนรับผู้มาเยือน ราวกับประตูข้ามมิติ ความเย็นหายไปโดยฉับพลัน เหลือเพียงลมเย็นๆกับความร่มรื่น ...ชุ่มชื่นของป่าไม้และสายน้ำ! ราวกับจะได้ยินเสียงนกผิวปาก ...เสียงปลาเล่นน้ำ...เสียงต้นไม้ร้องเพลงและ...เสียงความสงบ!! ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสวนสวยในตึกหรู
ที่ดูยังไงก็เหมือนอยู่ในป่า สงบ...แต่ไม่สงัด...สวยหรู...แต่ดูเป็นธรรมชาติ คนเยอะ...แต่ไม่แออัด ...ดูกะทัดรัด...แต่ไม่คับแคบ เป้าหมายของเราอยู่ตรงหน้า
ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่พาเราจินตนาการถึงการกินขนมเค้กกลางป่า กลางเขา ขนาดย่อมๆ ที่ไม่ได้ดูหรูเพียงอย่างเดียว แต่มีความร่มรื่นแล้วก็ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆอีกด้วย มีความหลากหลายซ่อนอยู่ ไม่ต่างจากฤดูที่ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ดูแล้วไม่น่าเบื่อเลย ที่นี่คือ โรงแรมหรูใจกลางเมือง Four season Hotel นั่นเองค่ะ ลงรถไฟฟ้าสถานี ราชดำริ ลงมาก็เจอเลยค่ะ และร้านที่เราพูดถึงก็อยู่ในโรงแรมแห่งนี้ กับร้านที่ชื่อว่า Mocha & Muffin
ร้านกระจกขอบไม้สีมอคค่าสมชื่อร้าน ส่วนมัฟฟิ่นนี่จะวนดูยังไง ก็ไม่มีวี่แววของมัฟฟิ่นให้เห็น แต่เราก็ไม่ได้อยากกินมัฟฟิ่นอยู่แล้ว จึงวนไปวนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆตู้เค้ก ที่มีเค้กชิ้นน้อยน่ารัก น่าเอ็นดู ที่แอบเย่อหยิ่งเล็กน้อย ถึงเราจะวนไปวนมาแค่ไหน ราวกับไร้ตัวตน พนักงานต่างทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างขะมักเขม้น คำถามมากมาย วนเวียนอยู่ในหัว แต่ไม่กล้าพูดออกไป เรากลัวจริงๆว่าจะไปรบกวนเวลาของพวกเขาอ่ะค่ะ จึงเลือกเค้กอย่างรวดเร็ว เกรงใจพี่ๆเค้าน่ะ งานคงเยอะ เลือกเสร็จก็ไปนั่งโต๊ะหน้าร้าน โชคดีจริงๆค่ะ ที่มีโต๊ะนอกร้านให้นั่ง บรรยากาศหน้าร้านดีมากๆ สงบเงียบ ถ้าพกหนังสือดีๆสักเล่มมานั่งอ่าน คงดีไม่น้อยเลยค่ะ แล้วก็กาแฟสักแก้ว เค้กสักชิ้น หืมมมม ไม่อยากลุกไปไหนเลยล่ะค่ะ
เวลาผ่านไปไม่นานเค้กก็มาเสริ์ฟให้ถึงโต๊ะกันเลย เค้กหน้าตาดีมากๆ( ตรงข้ามกับพนักงานเสิร์ฟลิบลับเลยล่ะค่ะ) เค้กชิ้นแรกที่เราเลือกคือ Citron cake (110บาท)
เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าเค้กเลมอน เหตุผลที่เลือกเค้กชิ้นนี้มีเหตุผลเดียวเลยค่ะ คืออยากรู้ว่าข้างในเป็นยังไง! เค้กทรงกรวย สีขาวขุ่นเหมือนต้นคริสมาสที่ถูกหิมะปกคลุมจนขาวโพลน เค้กหน้าตาเรียบๆที่แอบซ่อนความเปรี้ยวไว้ข้างใน เรียบหรู และดูมีเสน่ห์มากๆ จนเราแทบอดใจไม่อยู่ พี่คะ! ขอช้อนเพิ่มคันนึงค่ะ โชคดีจริงๆที่พี่พนักงานเค้าออกมาพอดี ไม่นานนัก ช้อนที่ว่าก็ถูกวางลงบนโต๊ะ (แบบเฉียดตกนิดๆ) ยังไม่ทันได้ขอบคุณ ยังไม่ทันได้ยิ้มให้ สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแผ่นหลังว่างเปล่า พร้อมกับการจากไปแบบไม่หวนกลับมาอีกเลย สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เราขอแนะนำร้านที่ค่ะ นอกจากจะเงียบสงบแล้ว คุณจะได้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวแบบสูงสุดทีเดียวค่ะ มาต่อกันที่เค้กดีกว่า ภายใต้ความเรียบนี้มีฐานเป็น tart เนื้อแน่น แผ่นบางๆ ส่วนตรงกลางเป็นเลมอนเคริ์ท รสเปรี้ยวที่มีกลิ่นเลมอนโดดเด่นมากๆเนื้อสัมผัสจะนุ่มๆหน่อย ส่วนที่เห็นเป็นครีมสีขาวนวลๆนั้นน่าจะเป็นมูสนะคะ ได้กลิ่นหอมคุ้นลิ้นมากๆ คล้ายๆกลิ่นมะพร้าว เดาว่าน่าจะเป็นมูสมะพร้าวนะคะ แต่ว่าออกหวานไปหน่อยอ่ะสำหรับเรา เวลากินก็ตักให้โดนเลมอนด้วย ถึงจะได้รับรสที่แท้จริง แต่ถึงจะกินกับเลมอนเคริ์ทรสเปรี้ยว เราว่าก็ยังติดหวานหน่อยๆอยู่ดี เค้กชิ้นนี้เราว่าธรรมดาไปหน่อย แต่ว่าชอบรูปทรงของเค้กอ่ะ กินแล้วรู้สึกหรูตามไปด้วย ถ้าคิดซะว่ากินดีไซน์ ก็ถือได้ว่าคุ้ม!
ส่วนชิ้นที่สอง คือ summer pudding rose yoghurt cake (110บาท) เป็นเค้กที่เสริ์ฟมาในถ้วยสีใส มองเห็นข้างในชัดเจน ล่างสุดเป็นเนื้อเค้กวานิลลา ถัดขึ้นมาเป็น mix berry jelly ที่แอบมีผลไม้ซ่อนอยู่ด้วย โดยมีพุดดิ้งสีขาวโพลนราวกับหิมะ ปกคลุมอยู่ ผลไม้เบอรี่สีสันสดใสที่อยู่ด้านบนดูแล้วเหมือนผลไม้ที่ร่วงอยู่บนปุยหิมะสีขาว ที่มีเกร็ดหิมะตกโปรยปรายอยู่ยังไงยังงั้นเลยค่ะ ส่วนที่เห็นเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีพาสเทล นั่นคือ mashmello นั่นเองค่ะ ถึงหน้าตาจะพาให้นึกถึงอากาศเย็นๆในฤดูหนาว แต่รสชาติให้ความสดชื่นเหมาะกับการหยิบขึ้นมากินในฤดูร้อนมากๆเลยล่ะค่ะ เยลลี่เย็นๆ ที่มีรสเปรี้ยวนิดๆกับพุดดิ้งที่หวานหน่อยๆ กินแล้วสดชื่นมากๆเลย แต่กำลังสงสัยอยู่ว่า พุดดิ้งนี่รสชาติคุ้นมากเลยค่ะ คล้ายๆ panna cotta แต่ก็ไม่ใช่เพราะไม่มีรสนม จะว่าเป็น pudding ก็ไม่เห็นได้รสไข่ คล้ายๆว่าจะเป็นเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด กรายๆนะคะ กินแล้วให้ฟิวเดียวกัน แบบสดชื่นๆ แต่ว่ามันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง อาจจะเพราะเราคาดหวังถึงการกิน pudding แบบเข้มข้นออกรสนมและโยเกริ์ตเยอะกว่านี้ กับกลิ่นกุหลาบที่หอมฟลุ้งกว่านี้ ซึ่งกินกับพวกเบอรี่แล้วคงสุดยอดไปเลย ชิ้นนี้ค่อนข้างต่างจากที่คิดไปเยอะเหมือนกันค่ะ เลยรู้สึกว่าธรรมดาไปสักหน่อย สำหรับราคานี้ ซึ่งยังไม่รวม VAT กับ service charge ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าใครกำลังลดน้ำหนักอยู่ ขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ รับรองไม่อ้วน แถมได้สุขภาพกินแล้วสดชื่นขึ้นเป็นกอง!
ร้านเค้กบรรยากาศดี ที่มีต้นไม้ร่มรื่น ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมหรู เหมาะกับการแอบมาพักสมอง นั่งชิวๆแล้วสมมุติเอาว่ามานั่งพักใจกลางป่า ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะคะ โดยรวมแล้ว เค้กหน้าตาหรูหรา แต่รสชาติไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ บรรยากาศร้านน่านั่งมากถึงมากที่สุด ถ้ามองข้ามเรื่องงานบริการก็ถือว่าเป็นร้านน่านั่งมากอีกแห่งหนึ่งเลยนะคะ ราคาเค้กสูงนิดนึงเมื่อเทียบกับรสชาติ แต่เนื่องจากเป็นโรงแรมระดับห้าดาว จึงถือว่าสมเหตุสมผลค่ะ VAT 7% สำหรับการตกแต่งถือว่าคุ้มค่ามากๆค่ะ
แต่ service charge 10% นี่นอกจากแพงไปแล้วยังไม่คุ้มค่าสุดๆด้วยค่ะ
จะว่าไปแล้วทั้งบรรยากาศ แล้วก็ความรู้สึกเนี่ย ช่างเข้ากับชื่อโรงแรมจริงๆค่ะ