Mr.Jones Orphanage Milk Bar พื้นที่เล็กๆ ให้กับใจที่ยังเป็นเด็ก

04:16:00 bakegazine 0 Comments


 "ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหมในวันนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า ให้ความสดใส
ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป" เพลงของบอยตรัย ดังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


ร้านเล็กๆ ที่มีความเป็นเด็กอยู่ทุกอณู


 

  

ที่นี่ไม่มีแม้แต่ตู้เค้กนะคะ ที่เห็นนี่เป็นเพียงเค้กเปลือยเปล่า ที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะอย่างกระจัดกระจาย ดูวุ่นวายเล็กน้อยกับพนักงานที่เดินชนกันไปมา ทำให้ร้านที่ว่าไม่ใหญ่ กลายเป็นร้านเล็กๆไปโดยปริยาย แต่ใครจะสนล่ะคะ ทันทีที่เข้ามาในร้าน แทบจะไม่มีใครสนใจใครหรืออะไรอีกแล้ว เพราะความเล็กแต่เต็มไปด้วยความน่ารักแบบเด็กๆนี้เองที่ทำให้เราอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เค้กแปลกๆหลายแบบหลายแนว วางเกลื่อนกลาดเหมือนงานปาร์ตี้ในหนังฝรั่ง ตุ๊กตาหมีและของเล่นกลายเป็นของแต่งร้านที่สร้างบรรยากาศให้ย้อนอดีตอย่างน่ารัก 




ถ้าแค่นี้ยังเด็กไม่พอ ปีนบันไดขึ้นไปชั้นบนด้วยกันสิคะ?  ความชันที่คับแคบของบันไดสร้างความเร้าใจให้ตื่นเต้น รู้สึกเหมือนกำลังปีนขึ้นห้องใต้หลังคาของแฮรี่พอตเตอร์ยังไงยังนั้นเลยค่ะ แล้วบันไดที่ทั้งแคบและชันนั้นก็พาเรามาสู่ห้องเตี้ยๆห้องหนึ่ง ด้วยความสูงจากพื้นถึงเพดาน ประมาณไม่ถึงเมตร อาจต้องมีการก้มถึงคลานเข่ากันเล็กน้อย แต่ไม่ผิดหวังแน่ๆค่ะ เมื่อได้นั่งบนโซฟานุ่มๆ เหมือนนาฬิกาชีวิตหมุนย้อนกลับไป โลกแห่งความจริงกับความฝันได้มาบรรจบกัน ที่ดินแดนแห่งนี้ ดินแดนอันแสนใกล้และง่ายดายราวกับนั่ง time machine เพียงลงBTS ทองหล่อ เข้ามาในซอยสุขุมวิท 55 แล้วนั่งรถสองแถวสีแดง ลงตรงซอยทองหล่อ 13 เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเห็นเองค่ะ หน้าร้านเด่นสะดุดตา ด้วยกระจกรอบด้าน แล้วถ้าการเป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่าย ก็ลองเป็นเด็กสักวันสิคะ ทิ้งเรื่องวุ่นวายภายนอก แล้วพาใจมาพักผ่อนในพื้นที่เล็กๆ ที่เรียกความเป็นเด็กกลับมาน่าจะดีไม่น้อยเลยนะคะ และถ้าจะมีอะไรที่ทำให้การเป็นเด็กนั้นสมบูรณ์ ก็หนีไม่พ้นขนมนี่ล่ะค่ะ

เมนูแรกที่จะพาเราให้กลับเป็นเด็กอีกครั้งคือ Chocolate Mud (135บาท) เป็นเค้กช็อกโกแลตที่มาในถ้วยสีขาว โปะไอศกรีมวานิลลาก้อนโตด้านบน โดยมีรถถังคันจิ๋วจอดอยู่ข้างๆกันอย่างน่าเอ็นดู ตัวนี้คล้ายๆช็อกโกแลตลาวาค่ะ แต่ว่าอร่อยกว่า เพราะนอกจากเนื้อช็อกโกแลตจะหนึบหนับ ชุ่มฉ่ำ แล้วยังมีความกรุบกรอบของเนื้อแบบกึ่งๆบราวนี่ให้แทะเล่นตามขอบแก้วอีกตะหาก รสชาติก็เข้มข้นแต่ไม่ขมเกิน แล้วก็ไม่ได้หวานไป เนื้อเค้กอุ่นๆ กินคู่กับไอศกรีมเย็นๆ หอมแล้วก็กลมกล่อมสุดๆอ่ะ ติดใจมากๆค่ะ สำหรับชิ้นแรก
 
ส่วนชิ้นต่อไป เราเลือกตัวที่ดูแล้วแปลกๆอย่าง Pizza oreo( 50 บาท) รูปร่างหน้าตาเหมือนพิซซ่าเลยค่ะ เอาเมอแรงค์มาทำเป็นชีส ส่วนโอริโอก็เป็นแป้งพิซซ่า เสริ์ฟพร้อมวิปครีมนม เราว่าไอเดียดีนะ ถ้าแค่จะอร่อยกว่านี้ล่ะก็รับรองว่ามากินทุกวันเลย คำแรกที่กินนั้นความหวานพุ่งปรี๊ดขึ้นมาก่อนเลย ตัวฐานโอริโอเนื้อค่อนข้างแฉะแล้วก็แอบเลี่ยนนิดๆ ส่วนตัวเมอแรงค์ก็เหนียวๆ แล้วก็หวานๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะสำหรับตัวนี้ ติดใจแค่วิปครีมที่ให้มาด้วยกันหอมแล้วก็ออกรสนมหน่อยๆอร่อยดี เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะลองสั่งตัวอื่นดูดีกว่า


 ก่อนจะออกไปเผชิญโลกภายนอกขอปิดท้ายความเป็นเด็กด้วย Strawberry venies( 100บาท) เค้กสีชมพูสดใส ที่ปาดด้วยครีมสีขาวนวลๆ เค้กตัวนี้มีสตอรเบอรี่ผสมลงไปในเนื้อเค้กด้วยค่ะ อร่อยที่ตรงนี้แหละ มีรสหวานอมเปรี้ยวแล้วก็แอบได้กลิ่นคล้ายๆแยมสตอรเบอรี่ด้วย แต่ตรงส่วนครีมค่อนข้างเลี่ยนไปหน่อย อารมณ์เหมือนกินวิปครีมรสจืด คือมีความมัน แต่ไม่มีรสชาติ สำหรับเราตัวนี้ไม่แย่แต่พูดว่าอร่อยไม่เต็มปาก เนื้อเค้กพอกินได้ แต่ครีมนี่ไม่ไหวเลย มันมันไปหน่อย กินไปกินมาก็เลี่ยนแบบไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ร้านนี้เป็นร้านที่ต้องมาอีกครั้งให้ได้เลยล่ะค่ะ ถึงจะไม่ค่อยประทับใจ pizza oreo แต่ว่า chocolate mud ทำคะแนนได้พรุ่งปรี๊ดดดแซงเพื่อนๆอย่างขาดลอย บวกกับบรรยากาศร้านที่แค่ใช้คำว่าเก๋ยังจะน้อยไปแบบนี้ ติดใจมากๆค่ะ ร้านนี้เหมาะกับการมานั่งเล่น ปล่อยใจ ปล่อยอารมณ์ ปล่อยความทรงจำ

หรือบางทีจริงๆแล้ว เราไม่ได้ต้องการพื้นที่ใหญ่ๆหรอก ขอแค่พื้นที่เล็กๆให้ใจเป็นเด็กก็พอ