Macaron Secret อย่าบอกใครเชียวกับ มาการอง ภาคปฐมบท
ขนมที่ชื่อว่า มาการอง มีมานานแล้ว ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่า มาการอง มาการอน มาการง หรือ มากาฮง
มันคือขนมชนิดเดียวกัน นั่นก็คือ ขนมสีสวยหลากสีสันที่ทำจากอัลมอนด์ป่น ไอซิ่ง ไข่ขาว สอดไส้ด้วยครีมรสต่างๆ ความพิเศษของมันยังมีอยู่เสมอไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย เจ้ามาการองนี้ไม่เคยตกยุค ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชิม หรือเป็นคนทำ ขนมชนิดนี้ก็ยังคงเป็นความน่าท้าทายสำหรับคุณอยู่ดี
เมื่อคน 10 คนชิมมาการองร้านเดียวกัน การชิมของคน 10 คนนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันแบบสุดขั้วครับ บ้างก็ว่าอร่อย บ้างก็ว่าหวานเกินไป บ้างก็ว่าครีมเยอะดี บ้างก็ว่าครีมเยอะเกินไป และที่สำคัญคือส่วนผิวและเนื้อสัมผัส ความแข็งของเปลือก ความหนึบ ความนิ่ม ความกรอบ ที่ทุกคนชอบไม่เหมือนกัน ทำให้การชิมมาการอง ก่อความแตกแยกในเรื่องความเห็นของรสชาติได้มากที่สุดในบรรดาขนมหวานทั้งหมด
ปิแอร์ เเอร์เม่ Master of Macaron ผู้เชี่ยวชาญการทำมาการองของโลก เคยกล่าวว่า มาการองที่แท้จริง ต้องมีรสสัมผัสกรอบนิดๆที่ผิวนอกเมื่อฟันหน้าแตะโดนผิวมาการอง ผิวมาการองจะแตกเป็นฟิลม์บางๆ ไม่ใช่กรอบเกรียวนะครับ จากนั้นเมื่อออกแรงกัดลงไปเนื้อสัมผัสจะนิ่มมีความหนึบเล็กน้อย เมื่อลิ้นเราโดนเนื้อขนมและครีมที่สอดไส้อยู่ตรงกลาง จะเกิดกลิ่นและรสชาติที่หอมฟุ้งไปทั่วปาก ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งอร่อย และเมื่อเคี้ยวอยู่มาการองจะมีรสชาติที่ซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะกลืนลง ไป เรียกว่าซับซ้อน แต่สรุปคือ อร่อย
และเค้ายังบอกอีกว่า มาการองที่ถูกต้อง จะต้องมีเนื้อเยอะ ไม่ใช่กลวงโบ๋ เป็นโพรงข้างใน และมีแต่เปลือก แบบนั้น ไม่ใช่มาการอง
เพราะฉะนั้นการชิมมาการองว่าอร่อยหรือไม่ อยู่ที่ปัจจัยหลายอย่างมากครับ นั่นคือความท้าทายอย่างหนึ่ง
ที นี้ถ้าบังเอิญคุณเป็นฝ่ายที่จะต้องเป็นคนทำมาการองบ้าง ความน่าท้าทายของมันก็คือ ขนมชนิดนี้ถูกบันทึกไว้ว่า สร้างความหวาดกลัวให้กับบรรดาเชฟมือโปรได้มากที่สุด เมื่อต้องทำมาการองเพื่อขาย หรือเพื่อโชว์ในรายการ แล้วต้องให้คนมาชิมมันต่อหน้า คุณเอ๋ย ไม่ต่างอะไรกับการยืนรอเพื่อถูกขวานด้ามใหญ่ๆสับลงไปกลางหน้ากันเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน โอกาสที่จะทำมาการองออกมาไม่ดี (หรืออย่างน้อยก็ไม่ดีพอ) ก็ยังคงมีอยู่ และยังไม่ได้พูดถึงความแตกต่างในการรับรสของคนชิมขนมชนิดนี้กันอีกล่ะ เรียกว่า ต่อให้คุณเป็นเชฟที่เก่งกาจแค่ไหน การทำมาการองต่อหน้าคนเยอะๆ มันก็ยังทำให้คุณเหงื่อตกได้อยู่ดี
เป็นขนมที่ทำให้คนทำต้องลุ้นตัวโก่งกันอยู่เสมอ
ที่สำคัญ..นี่เราเพิ่งกำลังพูดถึงเชฟมือโปรกันอยู่นะครับ
แล้วนับประสาอะไรกับมือสมัครเล่น หรือแม่บ้านเหล่าผู้ชื่นชอบการทำขนมจำพวกเบเกอรี่ที่หันมาหัดทำมาการองกันยก ใหญ่เพราะต้องการเอาชนะเจ้าขนมชนิดนี้ ช่วงหัดทำเรียกว่าเททิ้งกันเป็นว่าเล่น ช้านนต้องทำมันให้ได้ ส่งผลให้การทำมาการองเป็นที่ฮอตฮิตติดลมบนกันอยู่พักใหญ่ๆทั่วทั้งโลกใบนี้
ที่ประเทศไทยก็เกิดปรากฏการณ์หัดทำมาการองเหมือนกันครับ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า คลั่ง ถึงจะถูกต้อง ถ้าที่อื่นในโลกเหล่าแม่บ้านหัดทำมาการองกันเป็นทิวแถวเปรียบดั่งลมพายุแล้วล่ะก็ แม่บ้านไทยนี่ต้องเรียกว่าคลื่นทอร์นาโดที่พัดกระหน่ำด้วยความแรงสูงถึงจะถูก และพัดกระหน่ำกันอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลาหลายปีด้วย เพิ่งลดความเร็วลมลงเมื่อไม่นานนี้เองนะครับ
คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครในดินแดนแห่งสยามประเทศนี้ ทุกคนล้วนอยากทำมาการองเป็นครับ จะเป็นมือสมัครเล่น แม่บ้านมือโปร เจ้าของร้านเค้ก เด็ก 10 ขวบ เด็ก 5 ขวบ พริตตี้ แม่ค้ากล้วยแขก นักศึกษา ครูโรงเรียนอนุบาล ยามหน้าหมู่บ้าน กระเป๋ารถเมล์ หรือแม้แต่มอเตอร์ไซวินปากซอย ก็พยายามหัดทำเจ้าขนมชนิดนี้ เพราะการทำมาการองมันเหมือนเป็นใบเซอร์ (Certificate) ให้คุณได้รับการยอมรับจากสังคมโดยภาพรวมว่า คุณคือของจริง และพร้อมจะก้าวทะยานไปข้างหน้าแล้วจากจุดนี้
ความฮอตฮิตของปรากฏการณ์มาการองทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง ไปดูกันครับ
+ อัลมอนด์ป่นขาดตลาด
ใครจะไปคิดว่า อัลมอนด์ป่น ที่เมื่อก่อนการมาของมาการองนั้นแทบไม่เคยถูกหยิบไปขายจากชั้นวาง จะกลับกลายเป็นสินค้าขาดตลาดแทบไม่มีเหลือซักถุง แปรสภาพจากสินค้าดาดๆทะยานสู่สินค้าลูกรักหมายเลขหนึ่งของร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่ทุกสำนัก เรียกว่าตั้งตัวกันไม่ทัน สายพานการผลิตล้มระเนระนาด การจัดการระบบสต็อกสินค้าเข้าสู่สภาวะตึงเปรี้ยะ คำว่าทยอยสั่งคือไม่มี มีแต่คำว่า จะเอาตอนนี้ คือยังไง๊ยังไงก็ต้องมีของ ต้องมีวางอยู่ให้เห็น ไม่งั้น ลองนึกสภาพเหล่าซอมบี้ เอ้ย ลูกค้า เข้ามาในร้านแล้วไม่เจออัลมอนด์ป่น ในห้วงอารมณ์ที่เค้ากำลังอยากทำมาการองอย่างเต็มที่ดูสิครับ บอกได้คำเดียวว่า เละ
คือคุณไม่มีได้ยังไง จะเอาตอนนี้
เจ้าของร้านสั่งมาเผื่อเหลือเผื่อขาดก็ไม่ได้นะครับ ต้องสั่งมาเผื่อเหลือเท่านั้น เพื่อซอมบี้ เอ้ย คุณลูกค้าที่แสนน่ารักนั่นเอง
พอตอนนี้มาการองเริ่มฮิตน้อยลง ความคลั่งเริ่มบรรเทาเบาบาง ตามร้านต่างๆเราจะเห็นอัลมอนด์ป่นและอัลมอนด์สไลซ์วางเหลือกันบานเป็นกระบุง ความรับผิดชอบของใครล่ะครับทีนี้
+ การสนับสนุนไปรษณีย์ไทยของภาคประชาชน
เราเคยส่งของทางไปรษณีย์กันมากเป็นประวัติการณ์แบบนี้เหรอครับ....ไม่เคย
เราเคยหวังพึ่งพาไปรษณีย์ไทยกันมากขนาดนี้มั้ยครับ....ไม่เคย
แต่ มันเกิดขึ้นแล้ว พอมาการองฮิตติดตลาด เกิดอะไรขึ้น ทำขายสิครับจะรออะไร จำนวนคนที่หันมาทำมาการองขายนั้นว่ากันว่ามีมากมายกว่าขนมชนิดใดๆในประวัติศาสตร์ จึงเกิดการระบายของกันเป็นจำนวนมาก ทำขายที่ร้านเริ่มไม่พอกับความต้องการของตลาดครับ เพราะความต้องการมาการองของคนในชาตินั้นพุ่งสูงลิ่ว คนที่ต้องการชิมมีอยู่ทุกตรอกซอกซอยทั่วทุกหัวระแหง ไม่ว่าในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด แทบจะทุกชุมชนน้อยใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดง ใครต่อใคร ต้องการชิมขนมเทพชนิดนี้กันทั้งนั้น จึงต้องมีการส่งมาการองขายกันเกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยส่งทางไปรษณีย์นั่นเองครับ
น่าแปลกก็คือ จากความรู้เกี่ยวกับมาการอง เข้าใจว่า มาการองไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสภาพอากาศร้อน หรือแม้แต่อุณหภูมิประมาณ 20 กว่า องศา ครีมก็จะเริ่มละลายแล้วตัวเนื้อมาการองก็จะเปียก พูดง่ายๆคือ ไม่น่าจะอร่อยแล้ว แต่การส่งไปรษณีย์ขายมาการองกลับเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย โดยมีเหตุผลข้อเดียวคือ มันฮิต ขอให้ทำขายส่งไปได้เป็นพอ ส่งไปแล้วอร่อยไม่อร่อยไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนส่งแม้แต่นิดเดียว ส่งไปให้แล้วก็แล้วกันไป อย่าถือโทษโกรธกัน มุ่งเน้นเพียงแค่การเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุดเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการส่งมาการองทางไปรษณีย์จึงฮิตกันอย่างจริงจัง
ทำให้ภาครัฐและเอกชนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากภาคประชาชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่คำถามคือ มาการองทนทานขนาดที่ว่า ส่งด้วยบริการไปรษณีย์ไทยได้จริงหรือ เป็นที่มาของการดัดแปลงมาการองครับ
+ มาการองกลายพันธุ์แห่งเดียวในโลก
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ด้วยความฮิตและความต้องการมาการองจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้มาการองถูกเปลี่ยนแปลงดัดแปลงพันธุกรรมจนแม้แต่ตัวเองยังจำไม่ได้เลยทีเดียว จากขนมมาการองปกติของชาวโลก กลายเป็นขนมที่ทนทานต่อความร้อน อยู่เมืองนอกผมเห็นมาการองต้องแช่ตู้เค้กตลอดเวลา เวลาซื้อคนขายจะบอกว่ารีบกินให้หมดใน 15 นาที ที่ขนาดเมืองนอกอากาศเย็นกว่าบ้านเรานะครับ
อีกทั้งยังต้องถูกดัดแปลงให้ทนทานต่อแรงตกกระทบจากการขนส่ง รสชาติเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลัง....มือ และนิยามของรสชาติก็แตกสายพันธุ์เป็นหลายแบบ มีการดัดแปลงครีมเพื่อการขนส่งให้อยู่ได้หลายวัน มีการผสมแป้งแทนอัลมอนด์เพื่อลดต้นทุน มีการออกแบบลวดลายสีสันมาการองแบบแปลกแหวกแนว จากสีสันพาสเทลเบาๆกลายเป็นมาการองสีสันฉูดฉาดเพื่อตอบสนองความต้องการแสงสีในชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายของประชาชน ดูไปดูมาเหมือนไม่ใช่ของกินได้ขึ้นทุกวัน
และที่ไม่น่า เชื่อคือมีการลดขนาดมาการองกันอย่างเอิกเกริก จากมาการองไซส์ปกติกลายเป็นมาการองขนาดจิ๋ว โดยให้เหตุผลว่า ชิ้นเล็กๆดีกว่า กินแล้วไม่อ้วน กินได้ตั้งหลายอันกว่าจะอ้วน กินไซส์ปกติ 1 ชิ้น เท่ากับมินิมาการองตั้ง 3 ชิ้น แทนที่จะกินไซส์ปกติ 2 ชิ้น เรากินมินิมาการองได้ตั้ง 6 ชิ้นแน่ะ
......แบบนี้ก็ได้เหรอ
- ปรากฏการณ์ลดราคาสินค้าไฮโซเพื่อชาติ
ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เราในฐานะประชาชนคนไทยต้องหันมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เมื่อคนผลิตมาการองเยอะ สวนทางกับคนกินที่น้อยลงเรื่อยๆเพราะกระแสใกล้หมด จึงเกิดการลดราคามาการองกันอย่างฮวบฮาบ ราคาดำดิ่งทะลุเรตที่ชิ้นละ 9 บาท จากขนมไฮโซที่ต่างประเทศขายกันชิ้นละ 70-80 บาท กลายเป็นขนมหมดสภาพถูกเทกระจาดขายที่ราคา 9 - 12 บาท วางขายกันเกลื่อนกลาด จนคนกินยังไม่อยากเชื่อสายตาว่านี่คือขนมที่ถูกขนานนามว่า องค์หญิงแห่งขนมหวาน เรียกว่าวางขายกันเกลื่อน จากองค์หญิงผู้สูงศักดิ์แปรสภาพเป็น เอ่อ สาวชาวบ้าน สูงสุดคืนสู่สามัญ ว่ากันแบบนั้น ยิ่งขายทางไปรษณีย์ยิ่งถูกลงไปอีก แย่งลูกค้าด้วยการลดราคากันจนแทบจะแจกฟรีกันอยู่แล้ว
เมื่อองค์หญิงไม่ไฮโซอีกต่อไป ก็ไร้ซึ่งคนเหลียวแล
ขนมมาการอง ซึ่งยังคงเป็นที่ชื่นชอบของชาวโลก จึงกลายเป็นขนมหมดสภาพของประชาชนชาวไทยด้วยเหตุนี้
เห็นมั้ยล่ะครับว่า ขนมมาการองสร้างสีสันได้มากมายจริงๆ นี่แค่ปฐมบทมาการองนะครับ ตอนต่อไปมาว่ากันถึงความเชื่อผิดๆกับการทำมาการองกันครับ
รับรองมีเรื่องอึ้งกว่านี้อีก