macaron fight : Pierre Herme VS Sadaharu Aoki มาการองไฝว้
Ohayo Gozaimasu ขออนุญาตต้อนรับเพื่อนๆ ด้วยคำว่า "อรุณสวัสดิ์" เป็นภาษาญี่ปุ่นซะหน่อย
แบบว่าตื่นเต้นม้ากกกมากค่ะ ที่จะได้พาเพื่อนๆมาขึ้นสังเวียนอันดุเดือด (แต่หวานจ๋อย)กันถึงประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียวนี่เองค่าเนื่องจากเวลาที่จำกัด ทำให้เราไม่สามารถไปนั่งกินเค้กที่ร้าน Pierre Herme ที่ สาขา Aoyama ได้ ดังนั้นก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เราได้ทำการแยกตัวออกมาจากกรุ๊ปเพื่อน เพื่อหาพิกัดที่ใกล้ที่สุดในการมาชิมมาการอง Pierre Herme ให้ได้ และ shibuya คือคำตอบค่ะ เราต่อรถอย่างงงๆ มาลงสถานี Shibuya อย่างง่ายดาย จากนั้นก็คลำทางมาห้าง Seibu ได้ในที่สุด
และพบว่าที่นี่มีเพียงเคาร์เตอร์เล็กๆให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น เราจึงจำใจซื้อกลับมา โดยไม่ลืมที่จะซื้อของ Sadaharu Aoki ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย และนี่ก็คือที่มาของการพบกันของทั้งสองฝ่ายในวันนี้ค่ะ ^^
คณะกรรมการพร้อมแล้วค่าา ว่าแล้วก็ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายบนเวทีได้เลยค่าาา
ขอเสียงปรบมือต้อนรับ หนุ่มญี่ปุ่นสุดฮอต ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังจากการผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว
วันนี้เค้ามาในมาด เรียบง่ายแต่หรูหรา กล่องสีขาวสะอาดตา เพียงแค่มีชื่อของเค้าประทับอยู่บนกล่องก็ทำให้รู้สึกถึงความหรูหราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
มาการอง Sadaharu Aoki ที่อยู่ในกล่องเรียบหรูนั่นเอง
ในขณะที่ macaron ของ sadaharu Aoki กำลังยืนเปล่งรัศมีอยู่นั้น ฝ่ายตรงข้ามก็เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย และเค้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบุรุษจากประเทศฝรั่งเศส ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Picasso แห่งวงการเบเกอรี่กันเลยทีเดียว ขอเสียงปรบมือต้อนรับ คุณลุง Pierre Herme ด้วยค่าาา
กล่องของเค้านั้นช่างงดงามราวกับภาพวาดจริงๆ
จากรูปเราจะเห็นกล่องกระดาษใบใหญ่ที่เรียงรายและอัดแน่นไปด้วยมาการองนั้นทำเอาผู้ชมไม่อาจละสายตาได้กันเลยทีเดียว
เอาเป็นว่าทั้งคู่มีดีกรีที่ไม่ธรรมดา อย่างนี้ กรรมการของเราเริ่มหนักใจตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนกันเลยทีเดียว
จากรูปคือ รูปร่างหน้าตาของมาการอง Sadaharu Aoki และ Pierre Herme
แต่เอาล่ะเมื่อทั้งคู่พร้อมแล้ว!! ก็ถึงเวลาถอดเสื้อคลุมออกกันได้แล้วค่าาา เริ่มกันที่รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนกันก่อนนะคะ ทันทีที่ได้ยลโฉมมาการองของทั้งสองฝ่าย ทาง Pierre Herme ก็ชนะไปอย่างขาดลอย ด้วยชิ้นที่ทั้งหนา และอวบอ้วนดูเย้ายวนและน่ากินกว่า อย่างช่วยไม่ได้
แต่เราคงไม่ตัดสินกันแค่ภายนอกใช่มั้ยคะ ต่อไปคือการชิมมมมม นั่นเอง
ซึ่งหลังจากการกัดชิมมาการองของทั้งคู่ไปคนละ 1 คำ ปรากฏว่าเกมส์พลิกซะแล้วววว Sadaharu Aoki พลิกเกมส์กลับมาเหนือกว่าด้วย texture ที่หนาแน่นกว่า อ๊ะ!!เปลือกมาการองนี่มัน! เป็นshell ในอุดมคติเลยนี่นา ข้างนอกกรอบนิดๆ ข้างใน มีเนื้อที่แน่นหน่อยๆ เมื่อกัดไปทั้งคำแล้ว texture มันช่างลืมไม่ลงทีเดียว ในขณะที่ Pierre Herme กลับมีเนื้อที่บางและอ่อนเกินไป Sadaharu Aoki จึงกลับมาตีตื้นอีกครั้งอย่างสวยงาม
รูปภายในมาการองที่แสดงถึง texture ของมาการองของทั้งสองผู้เข้าแข่งขัน
ในเมื่อคะแนนสูสีกันถึงเพียงนี้ เราจะมาตัดสินกันต่อที่รสชาติ เอาเป็นรส chocolate ก็แล้วกันเนอะ จะมีอะไรที่ตัดสินความเป็น chocolate ได้ดีไปกว่าคุณภาพของช็อกโกแล็ตที่นำมาใช้ได้อีกล่ะ และแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งคู่ปล่อยหมัดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งคุณภาพครีม และคุณภาพของchocolate แทบไม่แตกต่างกันเลย ความมัน ความเข้นข้น ในแบบที่ใส้ช็อกโกแลตควรจะมี
ทั้งคู่ทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติเลย ดังนั้นในส่วนของช็อกโกแลต ทั้งคู่ต่างแลกหมัดกันอย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ
งั้นเรามาตัดสินกันที่รส lemon ดีกว่า รสนี้ถือเป็นรสที่ท้าทายมากๆ เพราะว่าถือว่าเป็นรสที่ทำยากรสนึงเลยก็ว่าได้ค่ะ การดึงเอาความหอม และความเปรี้ยวของเลมอนออกมายังไงให้ไม่มากเกินไป นั้นค่อนข้างท้าทายมากเลยนะคะ ซึ่งทาง pierre Herme ค่อนข้างจะทำได้ดีในส่วนการ balance ค่ะ หอมอ่อนๆ เปรี้ยวนิดๆ
เหมือนมีใครมาบรรเลงเพลงให้ฟัง คลอเบาๆอยู่ข้างๆหู ท่วงทำนองก็กำลังดี
แต่ระหว่างที่เรากำลังเคลิ้มๆกับมาการองของ Pierre Herme อยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงกลอง กีต้าร์ เบส และอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ดังกระหึ่มไปทั่งทั้งห้อง ดนตรีร็อคที่จับจังหวะไม่ค่อยได้ แต่ว่ามันช่างเร้าใจริงๆ ความเปรี้ยวที่จิ๊ดขึ้นมาราวกับเสียงกรีดกีต้าร์รัวๆ ไหนจะความหอมที่สลับซับซ้อน เหมือนเล่นดนตรีหลายชนิดในเวลาเดียวกัน จะว่าเป็นกลิ่นส้มก็ไม่ใช่ กลิ่นเลมอนก็ไม่เชิง รสชาติจัดจ้านเหมือนมีใครมาจัดงานคอนเสริ์ตดนตรีร็อคอยู่ตรงหน้า
มาการองรสเลมอนของ Sadaharu Aoki นั่นเองงงง
นี่มันคืออะไรกันแน่เนี่ยยยย!
ดนตรีนี้คือเพลงอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ากรรมการต่างพร้อมใจกันกดกระดิ่งยกธงให้ Sadaharu Aoki ชนะไปอย่างแทบไม่น่าเชื่อ แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังลงจากเวทีนั้นเองก็มีเสียงผู้ชมข้างสนาม
ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ อยากให้จัดแข่งอีกครั้งที่ฝรั่งเศส เค้าหาว่าที่ Pierre พ่ายแพ้ครั้งนี้เกิดจากการที่ มาการอง pierre ซึ่งต้องเดินทางเป็นระยะเวลาอันยาวนานจากกรุงปารีส มาสู่โตเกียวนั้นไม่ใช่ใกล้ๆ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นกรรมการเราจึงตะโกนบอกผู้ชมไปอย่างฮึกเหิม "ได้เลยถ้าอย่างนั้นเวทีหน้าเราจะจัดแข่งกันที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสก็แล้วกัน!) >_< เจอกันใหม่สังเวียนหน้า...
ที่ปารีสก็แล้วกันนะค้าาา