R.E.A.D. อ่านหนังสือ ถือจานขนม พร้อมเสริฟนมและกาแฟที่นี่

05:44:00 bakegazine 0 Comments


 แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังจำเรื่องราวสมัยเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วได้ดี ถึงจะไม่ชัดเจนมากก็เหอะ
แต่มันก็ทำให้เกิดรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากทุกครั้งที่คิดถึงมันเป็นสมัยที่เรายังเรียนหนังสืออยู่ สมัยที่ร้านกาแฟเป็นเพียงสถานที่สำหรับกินกาแฟหรือขนมเค้กเท่านั้น
การติวหนังสือก่อนสอบนั้นมักจะเกิดขึ้นที่บ้านของเพื่อนไม่คนใดก็คนนึงเสมอ(และบางครั้งก็เป็นที่บ้านเราเอง) ห้องนอนที่ถูกแปลงสภาพเป็นห้องติวหนังสือชั่วคราว หนังสือเล่มน้อยเล่มใหญ่ถูกวางไว้เกลื่อนพื้น พวกเรามักจะแย่งกันจับจองพื้นที่บนเตียงนอนนุ่มๆนอนอ่านหนังสือแล้วก็กลิ้งไปกลิ้งมา ทับกันไปทับกันมาอย่างสบายใจ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ กับขนมอร่อยๆ ที่เหล่าบรรดาแม่ๆ ของพวกเรามักจะขยันเอาขึ้นมาให้

แต่ทุกวันนี้ มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วสินะ เราไม่ได้ไปร้านกาแฟเพื่อกินกาแฟหรือเค้กเท่านั้น กาลเวลา
ได้เปลี่ยนไปแล้ว เราไปร้านเค้กเพื่อถ่ายรูปไปอวดเพื่อน และเราก็ไปร้านกาแฟเพื่อติวหนังสือ ดังนั้นภาพที่เราเห็นตามร้านกาแฟจึงมักจะเป็นเด็กนักเรียนที่หอบหิ้วชีทกองโต หรือหนังสือเล่มหนา มาด้วยเสมอ ภาพแปลกตาเหล่านี้ ที่นานวันไปก็เริ่มจะชินตาไปเอง

แต่เราก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าการมานั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟนั้นจะดีกว่าการไปติวที่บ้านเพื่อนหรือห้องนอนตัวเองได้ยังไง ดังนั้น วันนี้เราจะลองมานั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟดูบ้าง ซึ่งร้านที่เรามาในวันนี้นั้นเป็นร้านที่ฮิตที่สุดในย่าน ม.เกษตรฯ เลยก็ว่าได้

ร้านนี้ชื่อว่า R.E.A.D นั่นเอง ร้านนี้อยู่เยื้องๆกับมหาลัยเกษตร ประตูงามวงศ์วาน1 ซอยงามวงวาน54 เป็นร้านที่ตกแต่งโดยเน้นไม้สีเข้ม ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา บรรยากาศที่แสนจะอบอุ่นก็คละคลุ้งไปทั่ว เด็กนักเรียนมากมายที่คุยกันไปมา เสียงเหมือนโรงอาหารตามโรงเรียนช่วงพักเที่ยง แต่บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเพื่อน ต่างกันเพียงที่บ้านหลังนี้มีตู้เค้ก บาร์กาแฟ และพนักงานคอยบริการมากมาย ถ้าหิวก็มีอาหารเตรียมไว้ให้ มีwi-fi ให้ใช้หาข้อมูล และที่สำคัญที่สุด ที่แห่งนี้เปิดประตูต้อนรับเราตลอด 24ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ที่นี่จะมีที่ให้นั่งมากถึง 4 ชั้น

ถ้ามากันเป็นกลุ่มหลายคนก็ชึ้นไปนั่งชั้นบนได้ มีโต๊ะและโซฟาเตรียมต้อนรับเราอย่างเต็มที่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับหนอนหนังสือทั้งหลายอยู่แล้ว เราได้ที่นั่งชั้นสาม เพราะโต๊ะด้านล่างถูกจับจองเต็มหมดแล้ว และโต๊ะตัวเดียวที่ว่างอยู่ก็คือโต๊ะที่มีโซฟาหน่านุ่มอย่างดี เตรียมไว้ให้เราเอนกายพักพิงได้อย่างเต็มที่

หนังสือถูกหยิบมาวางบนโต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มสีสันสดใสเอาใจวัยรุ่นอย่างแคริเบียนโซดา ราคา 99 บาทแก้วนี้


ทำให้นึกถึงน้ำแดงมะนาวโซดาซึ่งเป็นเมนูยอดฮิต ที่แม่ของเพื่อนมักจะทำขึ้นมาให้อยู่เป็นประจำ เพียงแต่รสชาติของแคริเบียนโซดาแก้วนี้ จะมีรสชาติที่หลากหลายกว่า ทั้งหวานและหอม แต่ก็จืดเร็วกว่าด้วย
อ่านหนังสือยังไม่ถึงไหนก็กลายเป็นน้ำเปล่าไปซะแล้ว


นอกจากเครื่องดื่มแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลามาติวหนังสือก็คือขนมง่ายๆ ที่แสนอร่อย อย่างขนมปังทา Nutella แบบนี้เป็นต้น


เป็นขนมปังที่อบแค่พอให้ขอบขนมปังกรอบเล็กน้อยแล้วทาด้วย Nutella ก่อนจะโรยด้วยครัมเบิ้ลเพื่อเพิ่มลูกเล่นให้ขนมปังธรรมดาๆ ดูดีได้อย่างเหลือเชื่อแล้วก็โรยไอซิ่งก่อนเสิร์ฟ เป็นขนมง่ายๆ ที่สามารถกินได้แบบเพลินๆ เนื้อขนมปังกรอบนิดๆ นุ่มหน่อยๆ อร่อยดีเหมือนกันเวลามาเจอกับความหวานๆ มันๆของnutella แต่ก็แอบคิดว่าถ้าเพิ่ม nutella ให้เยอะกว่านี้อีกสักหน่อย คงอร่อยขึ้นอีกเยอะเลย


อ่านหนังสือไป คุยกันไป มือนึงหยิบปากกาขึ้นมาเขียน อีกมือก็หยิบส้อมขึ้นมาจิ้มขนมปังเข้าปากไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อขนมในจานเริ่มหร่อยหรอลงไป ใกล้เคียงกับคำว่าเกลี้ยงเข้าไปทุกที ขนมชนิดใหม่ที่สั่งไว้ก็ถูกนำมาวางทันที


ชิ้นนี้เป็นเค้กช็อกโกแลต เสริ์ฟมาแบบเรียบง่ายบนเขียงน้อยๆ และช้อนไม้แสนน่ารัก ทุกครั้งที่กินเค้กช็อกโกแลตทีไร เราก็มักจะคาดหวังถึงความนุ่มชุ่มฉ่ำ มีน้ำมีนวล กินแล้วทิ้งสัมผัสละมุนละไมเอาไว้ที่ปลายลิ้น เข้มข้นมั้ยยังไม่สำคัญเท่า moisture แค่ไหน ดังนั้น เราจึงไม่ค่อยประทับใจเค้กชิ้นนี้เท่าไหร่ เพราะว่าเนื้อเค้กที่ค่อนข้างแห้งเหมือนอบนานไป พอมาเจอกับหน้าฟัดจ์ที่แห้งพอกัน จึงทำให้เค้กชิ้นนี้ดูด้านๆไปกันใหญ่ ยิ่งเวลาตัดเค้กลงไปแล้วเหมือนเนื้อเค้กกับฟัดจ์จะรุ่ยๆไม่นุ่มนวลซักเท่าไหร่ ส่วนตัวแล้วยังไม่ค่อยชอบมากค่ะสำหรับชิ้นนี้


เราตบท้ายมื้อแห่งการอ่านหนังสือด้วยกาแฟคาปูชิโน่แก้วนี้


กาแฟสีเข้มที่มีฟองนมนุ่มๆด้านบน ไม่ค่อยได้กลิ่นกาแฟเท่าไหร่ รสกาแฟติดเฝื่อนนิดๆ ขมหน่อยๆ แต่ยังได้รสหวานเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
พอทานได้ค่ะแต่รสกาแฟไม่ค่อยกลมกล่อมอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้น

และหนังสือที่เราอ่านก็ดำเนินมาถึงบทสุดท้าย ใกล้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้วสินะ เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วหลายชั่วโมง โต๊ะก็ยังเต็มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือนักเรียนที่เข้ามาใหม่ ที่นี่จะเน้นให้นั่งได้นานๆ อาจจะหาที่ว่างลำบากสักหน่อย แต่ถ้าโชคดีได้มาสักหนึ่งที่ล่ะก็ นั่งกันยาวๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำได้เลย

ซึ่งเราเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า การมานั่งอ่านหนังสือ หรือติวกันที่ร้านกาแฟมันคงเป็นความสุขอย่างนึง ได้เจอผู้คนหลากหลาย ได้มาอยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือ ได้อยู่ในร้านสวยๆ ถึงแม้จะแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่ทุกคนก็คงรู้สึกว่านั่นตอบสนองความต้องการของพวกเขาในแง่ของสถานที่และบรรยากาศได้แล้ว ส่วนรสชาติของกาแฟและเบเกอรี่คงเป็นส่วนที่ไม่ต้องเน้นมาก

R.E.A.D จึงตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มหนึ่งได้อย่างชัดเจน แต่กับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการเน้นเรื่องของรสชาติเป็นหลักอย่างเช่นผู้เขียนแล้วล่ะก็

ถือว่าเป็นร้านที่โอเคแต่ยังไม่ถือเป็นร้านประจำค่ะ